statute ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร
ความหมายของคำว่า statute ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ statute ใน ภาษาอังกฤษ
คำว่า statute ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง พระราชบัญญัติ, กฎ, กฎหมาย หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง
ความหมายของคำว่า statute
พระราชบัญญัติnoun (formal written document that creates law, including acts, executive orders, and by-laws) I have invoked native rights, statute 23 " D. " ฉันได้รับการคุ้มครองตามสิทธิพลเมือง พระราชบัญญัติ 23 ดี |
กฎnoun 31 If they violate my statutes 31 ถ้าพวกเขาฝ่าฝืนกฎของเรา |
กฎหมายnoun In 1401, it passed a statute giving bishops the power to imprison and torture heretics and burn them at the stake. ในปี 1401 รัฐสภาผ่านกฎหมายที่ให้อํานาจแก่บิชอปในการจับพวกนอกรีตไปขังคุก ทรมานพวกเขา และเผาพวกเขาบนหลัก. |
ดูตัวอย่างเพิ่มเติม
At Leviticus 18:3, God commanded: “The way the land of Egypt does, in which you dwelt, you must not do; and the way the land of Canaan does, into which I am bringing you, you must not do; and in their statutes you must not walk.” ที่ เลวีติโก 18: 3 พระเจ้า ทรง บัญชา ว่า: “เจ้า ทั้ง หลาย อย่า กระทํา ตาม อย่าง ชาว เมือง อายฆุบโต ที่ พวก เจ้า ได้ อาศัย อยู่ แต่ ก่อน นั้น อย่า กระทํา ตาม ธรรมเนียม ชาว เมือง คะนาอัน ที่ เรา จะ พา เจ้า ไป อยู่ นั้น อย่า ประพฤติ ตาม เขา เลย.” |
The statute of limitations has expired as of yesterday. ว่าอายุความมันหมดลง ตั้งแต่เมื่อวานนี้ |
“Jehovah is our Judge, Jehovah is our Statute-giver, Jehovah is our King.”—ISAIAH 33:22. “พระ ยะโฮวา ทรง เป็น ผู้ พิพากษา ของ เรา พระ ยะโฮวา ทรง เป็น ผู้ บัญญัติ กฎหมาย ของ เรา พระ ยะโฮวา ทรง เป็น พระ มหา กษัตริย์ ของ เรา.”—ยะซายา 33:22, ล. ม. |
We read: “Jehovah kept warning Israel and Judah by means of all his prophets and every visionary, saying: ‘Turn back from your bad ways and keep my commandments, my statutes, according to all the law that I commanded your forefathers and that I have sent to you by means of my servants the prophets.’” เรา อ่าน ว่า “พระ ยะโฮวา ยัง ทรง เป็น พยาน ต่อ ชาว ยิศราเอล, และ ชาว ยูดาย, โดย ผู้ พยากรณ์ ทั้ง ปวง, และ โดย ผู้ อาจ เล็ง เห็น การ ลึกซึ้ง ทั้ง ปวง นั้น ว่า, เจ้า ทั้ง หลาย จง หัน กลับ จาก ทาง ชั่ว ทั้ง ปวง ของ เจ้า, และ รักษา ข้อ บัญญัติ และ ข้อ กฎหมาย ทั้ง ปวง ของ เรา, ตาม พระ ธรรม ทั้ง สิ้น ซึ่ง เรา ได้ สั่ง แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของ เจ้า, และ ซึ่ง เรา ได้ ประกาศ แก่ เจ้า โดย ผู้ พยากรณ์ ทั้ง หลาย ทาส ของ เรา.” |
The statute of limitations expires tomorrow. พรุ่งนี้คดีก็จะหมดอายุความ แล้วถ้าเขาเกิดหนีละ 167 00: |
He can choose a different path, one influenced by Jehovah’s statutes.—Ezekiel 18:2, 14, 17. เขา สามารถ เลือก ทาง ที่ ต่าง ออก ไป ทาง ที่ ได้ รับ การ โน้ม นํา จาก กฎหมาย ของ พระ ยะโฮวา.—ยะเอศเคล 18:2, 14, 17, ฉบับ แปล ใหม่. |
(Ephesians 2:14) Its righteous statutes acted as a barrier between Jew and Gentile. (เอเฟโซ 2:14) กฎ ข้อ บังคับ อัน ชอบธรรม ของ พระ บัญญัติ นั้น ทํา หน้า ที่ เป็น รั้ว กั้น ระหว่าง ชาว ยิว และ คน ต่าง ชาติ. |
(Psalm 3:8; 36:9) (5) We need to accept that Jehovah is the Supreme Law-Giver: “Jehovah is our Judge, Jehovah is our Statute-giver, Jehovah is our King.” (บทเพลง สรรเสริญ 3:8; 36:9) (5) เรา จํา ต้อง ยอม รับ ว่า พระ ยะโฮวา ทรง เป็น ผู้ ประทาน กฎหมาย สูง สุด: “พระ ยะโฮวา ทรง เป็น ผู้ พิพากษา ของ เรา, พระ ยะโฮวา ทรง เป็น ผู้ บัญญัติ กฎหมาย ของ เรา, พระ ยะโฮวา ทรง เป็น พระ มหา กษัตริย์ ของ เรา พระองค์ เอง จะ ช่วย เรา ให้ รอด.” (ยะซายา 33:22, ล. ม.) |
(Job 38:33) Recorded in the seventh century B.C.E., the book of Jeremiah refers to Jehovah as the Creator of “the statutes of the moon and the stars” and “the statutes of heaven and earth.” (โยบ 38:33) พระ ธรรม ยิระมะยา ซึ่ง บันทึก ใน ศตวรรษ ที่ เจ็ด ก่อน ส. ศ. กล่าว ว่า พระ ยะโฮวา เป็น พระ ผู้ สร้าง ที่ ทรง “สถาปนา กฎ ต่าง ๆ ของ ฟ้า สวรรค์ และ แผ่นดิน โลก.” |
9 But they had afallen into great errors, for they would not observe to keep the commandments of God, and his statutes, according to the law of Moses. ๙ แต่พวกเขาได้ตกกไปสู่ความผิดมหันต์, เพราะพวกเขาไม่ยึดมั่นต่อการรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า, และกฎเกณฑ์ของพระองค์, ตามกฎของโมเสส. |
The universe is governed by precise laws —“the statutes of heaven and earth.” —JEREMIAH 33:25 เอกภพ ถูก ควบคุม ด้วย กฎ ที่ แน่นอน—“กฎ ต่าง ๆ ของ ฟ้า สวรรค์ และ แผ่นดิน โลก.”—ยิระมะยา 33:25, ฉบับ R 73 |
To such ones Jehovah stated by means of his prophet Zephaniah: “Before the statute gives birth to anything, before the day has passed by just like chaff, before there comes upon you people the burning anger of Jehovah, before there comes upon you the day of Jehovah’s anger, seek Jehovah, all you meek ones of the earth, who have practiced His own judicial decision. พระ ยะโฮวา ทรง แถลง ผ่าน ซะฟันยา ผู้ พยากรณ์ ของ พระองค์ เกี่ยว ด้วย บุคคล ดัง กล่าว ว่า “ก่อน ที่ พระ ราชกฤษฎีกา ก่อ ให้ เกิด สิ่ง ใด ก่อน วัน นั้น ล่วง ไป ดุจ แกลบ ก่อน ที่ พระ พิโรธ อัน แรง กล้า ของ พระ ยะโฮวา ตก แก่ เจ้า ชน ทั้ง หลาย ก่อน ที่ วัน แห่ง ความ พิโรธ ของ พระ ยะโฮวา มา ถึง เจ้า จง แสวง หา พระ ยะโฮวา เจ้า ทั้ง หลาย ที่ อ่อนน้อม ใน แผ่นดิน โลก ผู้ ได้ ปฏิบัติ ตาม คํา ตัดสิน ของ พระองค์ เอง. |
For example, more than 3,500 years ago, Jehovah God asked his servant Job: “Have you come to know the statutes of the heavens?” ตัว อย่าง เช่น มาก กว่า 3,500 ปี ที่ แล้ว พระ ยะโฮวา พระเจ้า ถาม โยบ ผู้ รับใช้ ของ พระองค์ ว่า “เจ้า รู้ จัก กฎ ธรรมชาติ แห่ง ท้องฟ้า แล้ว หรือ? |
As we read the Law, we ought to reflect on the principles underlying its various statutes and on the benefits God’s people gained as they tried to follow those good commands. ขณะ ที่ เรา อ่าน พระ บัญญัติ เรา ควร ไตร่ตรอง เกี่ยว กับ หลักการ ต่าง ๆ ที่ แฝง อยู่ ใน ข้อ กฎหมาย ต่าง ๆ และ เกี่ยว กับ ผล ประโยชน์ ที่ ไพร่ พล ของ พระเจ้า ได้ รับ เมื่อ พวก เขา พยายาม ปฏิบัติ ตาม พระ บัญชา อัน ดี ยิ่ง เหล่า นั้น. |
(1 Timothy 1:17; Psalm 90:2, 4; Revelation 15:3) He has authority to make statutes, or laws, and to enforce these. ม. ; บทเพลง สรรเสริญ 90:2, 4; วิวรณ์ 15:3) พระองค์ ทรง มี อํานาจ ออก พระ ราชบัญญัติ หรือ กฎหมาย และ ทรง ดําเนิน การ ให้ เป็น ไป ตาม ข้อ กฎหมาย เหล่า นี้. |
King David wrote regarding Jehovah: “As for his statutes, I shall not turn aside from them. กษัตริย์ ดาวิด เขียน เกี่ยว กับ พระ ยะโฮวา ว่า “สําหรับ ข้อ กฎหมาย ของ พระองค์ นั้น ข้าพเจ้า จะ ไม่ หัน หนี เลย. |
17 “‘It is a lasting statute for your generations, in all your dwelling places: You must not eat any fat or any blood+ at all.’” 17 “‘ห้าม กิน มัน สัตว์ หรือ เลือด+ นี่ เป็น ข้อ กําหนด ที่ พวก เจ้า ต้อง ทํา ตาม ไป ตลอด ทุก ยุค ทุก สมัย ไม่ ว่า พวก เจ้า จะ อยู่ ที่ ไหน ก็ ตาม’” |
The Israelite prophet Isaiah said: “Jehovah is our Judge, Jehovah is our Statute-giver, Jehovah is our King.”—Isaiah 33:22. ยะซายา ผู้ พยากรณ์ ชาว ยิศราเอล กล่าว ดัง นี้: “พระ ยะโฮวา ทรง เป็น ผู้ พิพากษา ของ เรา พระ ยะโฮวา ทรง เป็น ผู้ บัญญัติ กฎหมาย ของ เรา พระ ยะโฮวา ทรง เป็น พระ มหา กษัตริย์ ของ เรา.”—ยะซายา 33:22, ล. ม. |
Said Quaker Samuel Fothergill: “With the bent of their spirits to this world, [Quaker settlers] could not instruct their offspring in those statutes they had themselves forgotten.” แซมมูเอล ฟาเธอร์กิลล์ ซึ่ง เป็น เควกเกอร์ ได้ กล่าว ว่า “เนื่อง จาก ความ โน้ม เอียง และ ผล ประโยชน์ ของ พวก เขา [ผู้ ตั้ง ถิ่น ฐาน ที่ เป็น เควกเกอร์] รวม จุด อยู่ ที่ โลก นี้ บุตร หลาน ของ พวก เขา จึง ไม่ ได้ รับ การ สอน เกี่ยว กับ หลักการ ซึ่ง พวก เขา เอง ก็ ลืม ไป แล้ว.” |
(b) How is it evident that scientists do not know “the statutes of the heavens”? (ข) เป็น ที่ ปรากฏ ชัด อย่าง ไร ว่า นัก วิทยาศาสตร์ ไม่ รู้ จัก “กฎ ธรรมชาติ แห่ง ท้องฟ้า”? |
(Deuteronomy 17:15, 17) Solomon disregarded that statute by marrying over 700 wives! (พระ บัญญัติ 17:15, 17) โซโลมอน มิ ได้ เชื่อ ฟัง กฎ ดัง กล่าว ท่าน มี มเหสี มาก กว่า 700 คน! |
Therefore, God’s prophet urged: “Before the statute gives birth to anything, before the day has passed by just like chaff, before there comes upon you people the burning anger of Jehovah, before there comes upon you the day of Jehovah’s anger, seek Jehovah, all you meek ones of the earth, who have practiced His own judicial decision. ด้วย เหตุ นั้น ผู้ พยากรณ์ ของ พระเจ้า กล่าว กระตุ้น ดัง นี้: “ก่อน ที่ พระ ราชกฤษฎีกา ก่อ ให้ เกิด สิ่ง ใด ก่อน วัน นั้น ล่วง ไป ดุจ แกลบ ก่อน ที่ พระ พิโรธ อัน แรง กล้า ของ พระ ยะโฮวา ตก แก่ เจ้า ชน ทั้ง หลาย ก่อน ที่ วัน แห่ง ความ พิโรธ ของ พระ ยะโฮวา มา ถึง เจ้า จง แสวง หา พระ ยะโฮวา เจ้า ทั้ง หลาย ที่ อ่อนน้อม ใน แผ่นดิน โลก ผู้ ได้ ปฏิบัติ ตาม คํา ตัดสิน ของ พระองค์ เอง. |
(Exodus 19:5, 6) Now, with an open rebellion afoot, it was time for Israel’s Judge and Statute-giver to intervene! (เอ็กโซโด 19:5, 6) แต่ บัด นี้ การ กบฏ อย่าง เปิด เผย กําลัง มุ่ง หน้า ต่อ ไป จึง เป็น เวลา เหมาะ ที่ องค์ ผู้ พิพากษา และ ผู้ บัญญัติ กฎหมาย ของ อิสราเอล จะ ทรง เข้า แทรกแซง! |
* Those who walk in my statutes and keep my ordinances shall be my people, Ezek. * คนที่ดําเนินตามกฎเกณฑ์ของเราและรักษากฎหมายของเราจะเป็นประชาชนของเรา, อสค. |
40 But behold, they have received many wounds; nevertheless they astand fast in that bliberty wherewith God has made them free; and they are strict to remember the Lord their God from day to day; yea, they do observe to keep his statutes, and his judgments, and his commandments continually; and their faith is strong in the prophecies concerning that which is to come. ๔๐ แต่ดูเถิด, พวกเขาได้รับบาดเจ็บมาก; กระนั้นก็ตามพวกเขายืนหยัดในเสรีภาพกนั้นซึ่งด้วยสิ่งนั้นพระผู้เป็นเจ้าทรงทําให้พวกเขาเป็นอิสระ; และนับวันพวกเขาเคร่งครัดในการระลึกถึงพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา; แท้จริงแล้ว, พวกเขายึดมั่นต่อการรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์, และคําพิพากษาของพระองค์, และพระบัญญัติของพระองค์ตลอดเวลา; และศรัทธาของพวกเขาเข้มแข็งในคําพยากรณ์เกี่ยวกับทุกสิ่งที่จะมาถึง. |
มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ
ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ statute ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ
คำที่เกี่ยวข้องของ statute
คำพ้องความหมาย
อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ
คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม
ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว